
ความเชื่อในโลกของเรามีมากมายอยู่หลายความเชื่อเลยนะคะ และหลายๆคนคงเคยได้ยินความเชื่อโบราณของไทยที่ว่า “ห้ามให้ผู้อื่นถอดแหวนหรือกำไลให้กัน ความเชื่อคือ จะถูกแย่งคนรัก” และก็ยังมีความเชื่อของคนจีนที่คล้ายๆกันอีกคือ “ห้ามให้คนอื่นถอดแหวนให้เพราะจะทะเลาะกัน” โดยความเชื่อเหล่านี้มีที่มาค่ะ เพราะสมัยโบราณต้องการปลูกฝังมารยาทอันดีงามให้แก่บุคคลทั้งหลาย โดยการใช้อุบายเป็นเครื่องมือหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นการใช้อุบายเพื่อควบคุมความประพฤติของคนนั่นเอง โดยคำสอนจากความความเชื่อนี้คือ เราไม่ควรไปถอดเครื่องประดับออกจากตัวคนอื่น โดยพลการ เนื่องจากว่ามันเป็นการก้าวก่ายสิทธิ์ทั้งร่างกายรวมทั้งทรัพย์สินของผู้อื่น เป็นเรื่องไม่สุภาพ จัดเป็นอีกการกระทำไม่เหมาะสม และคนในสมัยก่อนแตกต่างจากในสมัยนี้ ในเรื่องของการแตะเนื้อต้องตัวกันโดยไม่ได้เป็นสามี – ภรรยากัน ถือเป็นเรื่องไม่สมควร เพราะฉะนั้นการให้คนอื่นถอดแหวน อาจเป็นการเปิดโอกาสให้เขามาสัมผัสตัวเราได้ ถือเป็นการล่วงเกินอย่างหนึ่งนั่นเองค่ะ
นอกเหนือจากเรื่องที่เล่ามาแล้ว เราก็ยังนำความเชื่อที่เกี่ยวกับเรื่องแหวนเรื่องอื่นๆมาฝากคุณผู้อ่านด้วยค่ะ
ความเชื่อโบราณ…ห้ามใส่แหวนในนิ้วกลาง
นิ้วกลาง เป็นนิ้วลำดับที่ 3 บนมือของมนุษย์ ตั้งอยู่ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วนาง ตามความเชื่อโบราณของไทย มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า นิ้วกลางคือนิ้วของดาวเสาร์ ถ้านิ้วมีลักษณะเรียวยาว แปลว่าเป็นคนรักความสงบ , ชอบการศึกษา แต่ถ้ามีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมและหนา แปลว่ามีความคิดลึกซึ้ง แต่ถ้านิ้วสั้นหรือมีตำหนิ แปลว่าบุคคลนั้นไม่ค่อยเอาใจใส่ในเรื่องใด ถ้านิ้วกลางยาวกว่าฝ่ามือ แปลว่าเป็นผู้มีความรอบคอบ แต่ถ้าสั้นกว่าฝ่ามือ จะเป็นคนใจร้อน มักตัดสินใจอย่างเร็วๆ
นิ้วกลางในทางการทำนาย เป็นนิ้วที่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นนิ้วรับโชค บ่งบอกถึงอาชีพและวิถีทางแห่งชีวิต รวมทั้งเป็นนิ้วที่แสดงถึงลักษณะนิสัยโดยตรง ส่วนบางตำราก็บอกอีกว่า ถ้านิ้วกลางยาวเกินไปจะเป็นคนเอื่อยเฉื่อย แต่ถ้าสั้นเกินไปก็จะเป็นคนที่อยู่ไม่สุข มีลักษณะตั้งตรงถึงจะดี ถ้าไม่ตรงแปลว่าถือตนเป็นใหญ่ แต่ถ้ามันแอ่นหงายไปข้างหลังมาก มักยากจนหรือกำพร้าบิดามารดามาตั้งแต่เด็ก แต่ถ้ามีเส้นคาดรอบวงนิ้ว แม้ภายนอกจะพบความสุขแต่ก็ทุกข์ทางใจ ถ้ามีรอยก่ายไขว้กันตรงข้อ จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นการที่เราสวมใส่แหวนที่นิ้วกลาง ก็เหมือนเอาอะไรมารัดทำให้เห็นว่าไม่เหมาะไม่ควร